Wednesday, July 08, 2009

รูปติดบัตร

เคยสงสัยกันไหมว่า รูปติดบัตรจริงๆแล้วมันต้องมีขนาดเท่าไรกันนะ

ของไทย
1.0" = 2.50 x 3.25 Cm (0.98"x1.28")
1.5" = 3.00 x 4.00 Cm (1.18"x1.57")
2.0" = 4.00 x 5.23 Cm (1.57"x2.06")
2.5" = 4.75 x 6.25 Cm (1.87"x2.46")
3.0" = 6.15 x 7.80 Cm (2.42"x3.07")

ของญี่ปุ่นก็อันนี้

หลังจากซื้อกล้องดิิจิตอล กับคอมพิวเตอร์มาแล้ว
ก็ไม่อยากไปถ่ายรูปติดบัตรที่ร้านอีกต่อไป
เอาละ ด้วยความงก ก็เลยยอมมานั่งถ่ายรูปเอง
ตัดแต่งเอง (เอาหล่อเอาสวยเท่าไรก็ได้ 555)
ทีนี้มีปัญหาว่า อัดแบบจัมโบ้ (4"x6")
จะจัดรูปยังไงให้คุ้มที่สุด

นั่งๆคิดดู สรุปได้ว่า
1.0" ได้มากที่สุด 18 รูป (3x6)
1.5" ได้มากที่สุด 12 รูป (3x4)
2.0" ได้มากที่สุด 5 รูป (2x2+1)
(ถ้ายอมให้ขาดได้หน่อย ก็จะได้ 8 รูป คือ 2x4)
2.5" ได้มากที่สุด 4 รูป (2x2)
3.0" ได้มากที่สุด 3 รูป (1x3)

เอาล่ะ ทีนี้ถามว่า ถ้าอยากได้ 1"กับ2"ในใบเีดียวกันล่ะ
จะใช้พื้นที่ได้คุ้มสุดเท่าไร? (จะเขียนโปรแกรมลองวางดูก็ได้นะ ไม่ว่ากัน)

อ่ะ แต่ถ้าใครขี้เกียจ แล้วไม่อยากไปถ่ายรูปที่ร้านก็นี่เลย

Monday, July 06, 2009

บายศรี (ทำนองเพลงลาวกระทบไม้)

โอ้ ละเน้อ โ่อ๊ โอ่ เจ้าน้องเอย
ล้าล่าล้าล่าลา ล้า ลาล่าล้าล่าลา

โอ้เจ้าน้องเอ๋ย
พี่จะขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล
รักเจ้า ดั่งดวงใจ มิคลายหน่ายหนา
ล้าล่าล้าล่าลา ล้า ลาล่าล้าล่าลา

พี่จะรับขวัญเจ้า เอามาเข้าเป็นขวัญจิต
จะรักดังชีวิต ใจคิดกรุณา
ล้าล่าล้าล่าลา ล้า ลาล่าล้าล่าลา

ขอจงหายโศก พ้นภัยหายโรค ให้มีโชคนะน้องยา
ล้าล่าล้าล่าลา ล้า ลาล่าล้าล่าลา

จะเอา ด้ายยาว ขาวบริสุทธิ์ ล่าลาล้าลาหลาหล่า
พันมัดผูกไว้ ที่ข้อมือของเจ้า
เหมือนดังใจพี่ ผูกพันเจ้าไว้ ไม่หน่ายหนี เอิง เอย
ใจผูกพัน

=====================================
แถมเพลงให้เพิ่ม

Monday, May 18, 2009

A CAT

วันนี้พูดถึงแมวตัวนึงกันดีกว่า

ไมถึงต้องแมวตัวนึง?
ก็เพราะถ้าองค์กรมีการเลี้ยงแมวตัวนึงไว้ ก็จะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจกรรมไปได้อย่างต่อเนื่อง

แล้วอะไรคือแมวตัวนึง?
แมวตัวนึง มาจากภาษาอังกฤษว่า A CAT
  • Avoid หลีกเลี่ยง
  • Control ควบคุม
  • Accept ยอมรับ
  • Transfer ถ่ายโอน
แล้วแมวตัวนึงมันสำคัญยังไง?
A C A T สี่อย่างนี้เอาไว้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการบริหารความเสี่ยง

อะไรคือความเสี่ยง?
ความเสี่ยงคือความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ ที่อาจจะควบคุมได้หรือไม่ได้ก็ตาม และไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดหรือไม่ จะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่สามารถคำนวนโอกาสที่เหตุการณ์นั้นๆจะเกิดขึ้นได้ (ถ้ามีความสามารถพอ) รวมถึงสามารถคำนวนผลกระทบของเหตุการณ์นั้นๆได้ (ใช้การพยากรณ์)

แล้วจะเลือกใช้เครื่องมือยังไงดี?
มีหลักการง่ายๆอยู่ว่า
  1. ถ้าควบคุมสาเหตุได้ให้ลดโอกาสการเกิดความเสี่ยง
    1. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงตัวนั้น
    2. ควบคุมสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงตัวนั้น
  2. ถ้าควบคุมสาเหตุไม่ได้ ให้ลดผลกระทบของความเสี่ยงลง
    1. ถ่ายโอนผลกระทบไปให้ผู้อื่น ในกรณีที่ต้นทุนการถ่ายโอนน้อยกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้น
    2. ยอมรับผลกระทบของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นโดยอยู่ภายใต้ความควบคุมในกรณีที่ต้นทุนการถ่ายโอนสูงกว่าผลกระทบ
แล้วจะบริหารความเสี่ยงได้ยังไง?
มีขั้นตอนอยู่6ขั้นคือ
  1. ระบุความเสี่ยง กำหนดว่าอะไรคือความเสี่ยงขององค์กร
  2. ประเมินความเสี่ยง ประเมินว่าความเสี่ยงนั้นก่อให้เกิดความเสียหายเท่าไร
  3. เลือกใช้เครื่องมือ มีเครื่องมือสี่อย่าง จะเลือกใช้อะไรบ้าง เลือกใช้อันเดียว หรือเลือกใช้ทุกอันก็แล้วแต่กรณี
  4. วางแผนการใช้เครื่องมือ นำเอาเครื่องมือที่เลือกมากำหนดแผนการปฏิบัติการ
  5. ลงมือปฏิบัติ ทำตามแผนที่วางไว้
  6. ประเมินผลงาน ประเมินผลการปฏิบัติงาน
แต่ไม่ว่าจะมีหลักการและเครื่องมือดีแค่ไหน ถ้าไม่ลงมือก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

Labels:

Saturday, May 16, 2009

บัญชีชวนหัว

สมการบัญชีแบบชาวบ้าน
ทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป (Credit=Debit)
เงื่อนไขของสินทรัพย์
มีมูลค่า มีประโยชน์ และ มีสิทธิ์

นักบัญชีหนุ่มคนนึงหลังจากพาสาวไปกินข้าวก็กลับมาบ้านจะลงบัญชีค่าใช้จ่ายประจำวัน

"เอจะลงตรงไหนดีหว่า อืมม เงินที่่ลงไปก็เพื่อจะจีบสาว แต่เรายังไม่มีสิทธิ์ในตัวสาวเจ้านา ลงเป็นสินทรัพย์ไม่ได้แฮะ งั้นลงเป็นค่าใช้จ่ายไปละกัน"
Dr. ค่าใช้จ่ายบันเทิง (ค่าใช้จ่าย) 2,000.00
Cr. เงินสด (สินทรัพย์) 2,000.00

ถัดไปอีกปีนึง นักบัญชีหนุ่มก็พาสาวเจ้าไปฉลองครบรอบรู้จักกันหนึ่งปีที่ร้านเดิม หลังจากสาวเจ้ายอมตกลงเป็นแฟนกับนักบัญชีหนุ่มคนนั้น 

"เอ คราวนี้ลงบัญชียังไงดีหว่า อืมม ลงเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าละกัน"

Dr. ค่าจีบสาว  (สินทรัพย์) 2,000.00
Cr. เงินสด (สินทรัพย์) 2,000.00

หลังจากคบกันไปสักพัก สาวเจ้าก็ยอมตกลงแต่งงานกับนักบัญชี ในวันแต่งงานนักบัญชีก็ลงบัญชีเพิ่มเพื่อที่จะยกเลิกค่าใช้จ่ายล่วงหน้า

Dr. เจ้าสาว  (ค่าใช้จ่าย) 50,000.00
Cr. ค่าจีบสาว (สินทรัพย์) 50,000.00

Dr. ภรรยา (สินทรัพย์) ประเมินค่าไม่ได้(ไม่มีคนเอา)
Cr. เจ้าหนี้ทั้งชีวิต (หนี้สิน) ประเมินค่าไม่ได้(ต้องจ่ายไม่มีLimit)

ส่วนเจ้าสาวของเขาก็ลงบัญชีเช่นเดียวกัน แต่ลงว่า

Dr. ลูกหนี้ทั้งชีวิต (สินทรัพย์) ประเมินค่าไม่ได้(กดเงินได้ไม่มีLimit)
Cr. สามี (ส่วนของเจ้าของ) ประเมินค่าไม่ได้(ไม่มีคนเอา)

Labels:

Monday, May 11, 2009

TFEX โต๊ะพนันของผู้มีเงิน

ตอนนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก TFEX (ก็เล่นโฆษณา Gold Future ซะขนาดนั้น) แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่ามันย่อมาจากอะไร ก็ลองไปดูที่นี่ได้ครับ

ในโฆษณามีแต่พูดว่า "โอกาสทำกำไรจาก...............Future" แต่ไม่เห็นพูดเรื่องขาดทุนเลยแฮะ

ก่อนอื่นต้องถามว่า แล้วอะไรคือ Future?

Future คือการที่ทำสัญญาซื้อขาย"อะไรสักอย่าง"ล่วงหน้า ไอ้"อะไรสักอย่าง"นี่จะเป็นอะไรก็ได้ ทั้งที่จับต้องได้ ซื้อขายกันได้ หรือแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้(แต่มีมูลค่า มีความสำคัญ)ก็ยังได้ อะไรสักอย่าง ที่จับต้องได้ อย่างเช่น ข้าว น้ำมัน ทอง หุ้น เป็นต้น ส่วนที่จับต้องไม่ได้ก็อย่างเช่น SET Index (ดัชนีตลาดหุ้น) ซึ่งมีความสำคัญแต่ไม่รู้จะซื้อกันไปทำอะไร หรือว่า ซื้อกันยังไง

อ้าว ที่ไม่รู้จะซื้อยังไง แล้วจะส่งมอบ"อะไรสักอย่าง"กันได้ยังไงล่ะ คำตอบก็คือ ส่งในรูปเงินโดยคิดจากผลต่างของมูลค่าที่่กำหนดในสัญญากับมูลค่าจริงณวันสิ้นสุดสัญญา (นี่เป็นเหตผลที่ว่า ต้องมี มูลค่า)

อย่างเช่น Gold Future เพื่ออำนวยความสะดวกให้คู่สัญญา คนขายก็ไม่ต้องเตรียมทอง ส่วนคนซื้อก็ไม่ต้องจ่ายทั้งหมด ดังนั้น เลยให้ชำระเป็น50เท่าของผลต่างราคาทองณวันที่สิ้นสุดสัญญากับราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา ถ้าราคาจริงมากกว่าราคาในสัญญา คนซื้อก็ได้กำไร คนขายก็จ่ายให้คนซื้อไป แต่ถ้าราคาจริงน้อยกว่าราคาในสัญญา คนซื้อก็ขาดทุน คนซื้อก็จ่ายให้คนขายไป

เอาล่ะ ทีนี้ก็จะเห็นได้ว่า เรามีโอกาสที่จะกำไร พอๆกับ ที่จะขาดทุน ซึ่งดูไปแล้วก็ไม่ค่อยต่างจากการพนันเท่าไร แล้วใครได้ผลประโยชน์จากการทำสัญญาเหล่านี้?

คำตอบคือ ก็ตัวตลาดที่เก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อขายนั่นแหละ เก็บค่าธรรมเนียม เป็น%ของยอดสัญญา

ถ้าใครอยากลองเสี่ยงโชคดูกับโต๊ะพนันตัวนี้ก็เชิญนะครับ (ได้ความว่าไงบอกกันด้วย)

Labels:

Tuesday, May 05, 2009

หลากหลายไอเดีย (4)

วันนี้จับฉ่ายหน่อยละกัน

เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวที่สุดคือ มือถือ 
ปัจจุบันคงไม่มีใครไม่มีมือถือแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังติดโทรศัพท์รุ่นเก่า อยากยกหูฟัง พูดให้สบายใจ ก็แนะนำอุปกรณ์ชิ้นนี้เลยครับ "แฮนเซตรุ่นเก๋า" ใครได้ลองใช้แล้วบอกกันด้วยนะครับ link



 ถัดจากมือถือ ก็ไปต่อกันที่นาฬิกา ไม่ใช่นาฬิกาข้อมือนะครับ แต่เป็นนาฬิกาปลุก
เจ้า"นาฬิกาปลุกคล๊อกกี้"ตัวนี้ เหมาะสำหรับคนที่ตื่นยากตื่นเย็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันสามารถจะกระโดดลงจากหัวเตียง(สูงสามฟุต)แล้ววิ่งหนีไปซ่อนตัวได้เอง ถ้าหากคุณจับมันไม่ได้ทันเวลา และหลังจากนั้น มันก็จะเริ่มวิ่งไปทั่วๆห้องพร้อมกับส่งเสียงปลุกคุณไปเรื่อยๆ (ถ้าคุณไม่ต้องการ ก็สามารถยกเลิกฟังก์ชั่นนี้ได้) โดยเจ้าคล๊อกกี้นี้ทำจากโครเมียมและพลาสติก โดยมีล้อและปุ่มเป็นยาง link
มากันที่ห้องน้ำบ้าง
พูดถึงห้องน้ำก็คงไม่พ้น "สบู่" ซึ่งก็คงนึกถึงก้อนอะไรที่ทำจากไขมันและโซดาไฟ หรือไม่ก็ ของเหลวอยู่ในขวดพลาสติก(ใสไม่ใสไม่รู้แหละ) แต่คราวนี้จะเปลี่ยนอิมเมจของสบู่ใหม่ ด้วย "สเตนเลสสตีล"

เริ่มด้วย "สบู่เหล็กกล้าไร้สนิม" ก้อนนี้ จะช่วยขจัดกลิ่นอาหารจากมือของคุณได้ ฟังดูแล้วอาจจะเหลือเชื่อ แต่มันก็ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เพียงคุณล้างมือของคุณด้วยสบู่เหล็กกล้าไร้สนิม ก้อนนี้เป็นเวลาเพียง30วินาที กลิ่นหัวหอมและกระเทียมจะหายไป (แถมถาดสบู่สีดำ ฟรี!) link
อ้าว แล้วคราบมันคราบสกปรกอื่นๆล่ะ จะทำยังไง? สำหรับคำถามนี้ ก็ต้องนี่ครับ ขวดใส่สบู่เหลวที่เข้ากับสบู่เหล็กกล้าไร้สนิมก่อนหน้า หรูด้วยสเตนเลสสตีล ดีไซน์พิเศษให้ง่ายต่อการใช้ แม้คุณจะใช้เพียงมือเดียว คุณก็จะได้สบู่เหลวในปริมาณที่พอดีกับความต้องการ link



Labels:

Sunday, May 03, 2009

หลากหลายไอเดีย (3)

ต่อจากห้องครัว ก็มาที่บนโต๊ะทำงานกัน

เริ่มจาก เครื่องกรรไกรทำลายเอกสารอันนี้ แนวคิดก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่เอากรรไกรหลายๆอันมารวมกัน ทำให้สามารถตัดทีได้หลายๆเส้น สำหรับทำลาย memo เล็กๆที่เข้าเครื่องทำลายกระดาษไม่ได้ (ก็ตัดด้วยมือมันซะเลย) link


ส่วน ที่กรรไกรเปิดซองจดหมาย อันนี้ เอากรรไกรหนึ่งอัน มาทำที่เปิดซองจดหมายได้สองอัน (อันก่อนหน้านี้ กรรไกรห้าอัน ได้เครื่องทำลายเอกสารอันนึง) คุ้มซะไม่มีล่ะ link

ตามด้วย หอคอยโต๊ะทำงาน ที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นแท่งแปลกๆใหญ่ๆอันนึง แต่จริงๆแล้วมันซ่อน ที่ทับกระดาษอันเล็กๆ ที่ใส่คลิบหนีบกระดาษ ที่ใส่ปากกา-ดินสอ และ กระดาษโน๊ตไว้ด้วย เรียกว่า อันเดียวสารพัดประโยชน์เลย link

พูดถึงที่ใส่คลิบหนีบกระดาษแล้ว ก็ต้องพูดถึงคลิบหนีบกระดาษด้วย หลายๆคนคงเบื่อคลิบหนีบกระดาษทรงเดิมๆที่เห็นจนชินตาแล้วใช่ไหมครับ ตอนนี้เรามีคลิบหนีบกระดาษน่ารักๆมาแนะนำสองแบบ คือ ช้าง กับ เป็ด ต้นทุนวัสถุดิบคงไม่ค่อยต่างจากคลิปหนีบกระดาษแบบเดิมเท่าไร แต่ไอเดียกับกระบวนการการผลิตที่ใส่เข้าไป ทำให้โก่งราคาขายขึ้นได้อีกโขเลย link



สุดท้าย ปิดด้วย ที่วางเอกสารแนวใหม่ ขจัดปัญหาเอกสารซ้อนทับกัน เวลาจะหยิบทีก็ต้องค้นไปว่าเอกสารที่ต้องการ โดนอะไรทับอยู่กี่ชั้น แถม design เก๋ ฉีกกรอบเหลี่ยมๆของโต๊ะทำงาน ไปสู่โลกแห่งจินตนาการที่ไร้ข้อผูกมัด ด้วยการออกแบบให้เป็น spiral กลายเป็นอุปกรณ์ตกแต่งมากกว่าที่จะเป็นอุปกรณ์สำนักงาน ถ้าได้เอาไปประดับบนโต๊ะคงจะเท่สุดๆไปเลย link

Labels:

หลากหลายไอเดีย (2)

หลังจากที่แนะนำไอเดียเกี่ยวกับเรื่องแสงไปแล้ว คราวนี้เราไปกันที่ห้องครัวบ้าง


เริ่มจาก ชา ก่อนละกัน

ถ้าหากมีใครเคยชงชาแล้วรู้สึกว่า เข้มไป อ่อนไป หรือว่าใบชามันหลุดออกมา ปัญหาทั้งหมดจะถูกลบไปจากความทรงจำด้วยไม้(จริงๆแล้วเป็น สเตนเลส สตีล)คนแท่งนี้

วิธีใช้ก็ง่ายๆ แค่ใ่ส่ใบชาลงภายในแท่งคน แล้วก็เอาไปคนในน้ำร้อนจนชาละลายออกมาตามที่ต้องการ link

พูดถึงชาแล้วก็ต้องพูดถึงกาแฟ

ถ้า พูดถึงกาแฟที่ขายตามร้าน ก็ต้องนึกถึงกาแฟในถ้วยกระดาษถ้าเป็นกาแฟร้อน (ถ้าเป็นกาแฟเย็นก็เป็นถ้วยพลาสติกใส แล้วใส่น้ำแข็งแทน) แต่แน่นอน ถ้วยกระดาษ เมื่อใช้แล้วก็จะกลายเป็นขยะ ซึ่งไม่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นการทำลายโลกที่มีค่าใบนี้ของเราอีกด้วย แต่ปัญหาจะหมดไปเมื่อท่านใช้ "ผมไม่ใช่แก้วกระดาษ" ใบนี้ มองภายนอก ท่านอาจะเถียงว่าเป็นแก้วกระดาษธรรมดาๆนี่นา ไม่เห็นมีอะไรจะต่างจากแก้วกระดาษอื่นๆตรงไหน แต่จริงๆแล้วแก้วใบนี้ทำจาก porcelain สองชั้น ซึ่งทำให้แก้วสามารถเก็บความร้อนได้ และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่กี่ครั้งก็ได้ รวมทั้งฝาก็ทำจาก ซิลิโคน ช่วยให้ท่านไม่ต้องโดนกาแฟร้อนๆลวกปากอีกด้วย

เป็นไงบ้างครับ สนใจจะช่วยลดโลกร้อนด้วย "ผมไม่ใช่แก้วกระดาษ" ใบนี้ไหมครับ? link



ไอเดียสุดท้ายที่จะมาแนะนำ เหมาะสำหรับท่านผู้ชมชอบการจิบไวน์ (แค่จิบวันละนิด แ่ต่ไม่หมดขวด ซึ่งก็คงจะเจอปัญหาว่า วันรุ่งขึ้น รสชาติไวน์มันเปลี่ยนไป) เพราะจุกปิดขวดไวน์สุญญากา๋๋๋ศนี้ จะช่วยรักษารสชาติของไวน์สุดโปรดของท่านภายใต้สภาพสุญญากาศที่สร้างขึ้นได้เป็นเวลาถึงหกวัน ทีนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเวลาืดื่มไวน์ไม่หมดอีกต่อไป link

Labels: