Sunday, January 20, 2008

ความรู้+ข้อขัดแย้งทางบัญชี

ความรู้พื้นฐานทางบัญชี
ความหมายของบัญชี:
การบัญชีหมายถึงการจดบันทึกข้อมูลทางการเงินเก็บรวบรวมมาจำแนก วิเคราะห์จัดหมวดหมู่และสรุปผล
งบการเงิน คือ รายงานทางบัญชีที่แสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ การเปลี่ยนแปลงของเงินสดและส่วนของผู้ถือหุ้น ในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา
โดย งบการเงินประกอบด้วย :
  • งบดุล

  • งบกำไรขาดทุน

  • งบแสดงส่วนของผู้ถือหุ้น

  • งบกระแสเงินสด

  • หมายเหตุประกอบงบการเงิน
งบดุล คือ งบที่แสดงฐานะการเงินหรือความมั่งคั่งของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง
  • สมการบัญชี
    สินทรัพย์ (Assets)= หนี้สิน(Liabilities) + ส่วนของเจ้าของ(Owner's Equity)
สังเกตได้ว่า สินทรัพย์ จริงๆแล้วก็คือหนี้สินทั้งหมดของกิจการ ซึ่งแบ่งเป็น หนี้สินต่อเจ้าของกิจการ กับ หนี้สินต่อบุคคลภายนอก

งบกำไรขาดทุน คือ งบการเงินที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
กำไรสุทธิ(ขาดทุนสุทธิ)=รายได้-ค่าใช้จ่าย
ความสัมพันธ์ระหว่างงบดุลและงบกำไรขาดทุน
  • จากนิยามของงบดุลและงบกำไรขาดทุน (สุจิต วิเคราะห์):
    งบกำไรขาดทุนณช่วงเวลาหนึ่งๆ จะเท่ากับ ส่วนต่างของงบดุลณจุดเริ่มของช่วงเวลานั้น และงบดุลณจุดสุดท้ายของช่วงเวลานั้นๆ

    เหตุผล: เพราะ ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ ส่วนต่างของฐานะการเงินของกิจการ(ซึ่งแสดงโดยงบดุล) ย่อมต้องเท่ากับ ผลการดำเนินการของกิจการ(ซึ่งแสดงโดยงบกำไรขาดทุน)
ปัญหา:
มีการขยาย สมการบัญชี เป็น
สินทรัพย์ (Assets)= หนี้สิน(Liabilities) + ส่วนของเจ้าของ(Owner's Equity)+รายได้-ค่าใช้จ่าย
สมการนี้ทำให้งบดุลไม่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะ แสดงงบกำไรขาดทุนลงไปแค่ในด้านขวามือเท่านั้น โดยไม่ได้เพิ่มด้านซ้ายมือ(ไม่มีกำไรสุทธิ)เลย
ถ้า สินทรัพย์ หนี้สิน และ ส่วนของเจ้าของ เป็นของ งบดุลก่อนหน้า(=จุดเริ่มของช่วงเวลา) ก็จำเป็นจะต้องเพิ่ม กำไรสุทธิเข้าไปทางซ้ายด้วย แต่ถ้า สินทรัพย์ หนี้สิน และ ส่วนของเจ้าของ เป็นของ งบดุลประจำงวด(=จุดสิ้นสุดช่วงเวลา) ก็ไม่สมควรที่จะมี (รายได้+ค่าใช้จ่าย)
คำตอบ:
จากคุณเมย์
สมการที่เห็น ส่วนของเจ้าของ นั้น ไม่ใช่ส่วนของเจ้าของที่รวม กำไรสุทธิประจำงวด
(ส่วนของเจ้าของ = ทุน + กำไรสะสม + กำไรสุทธิประจำงวด)
และสำหรับงบดุลทุกอัน จะต้องมีการสรุปกำไรขาดทุน เพื่อเอามาหา กำไรสุทธิประจำงวดทุกครั้ง
แต่ไม่ต้องหากำไรสุทธิสำหรับงบทดลอง

การบันทึกรายการบัญชี
หลักการ:
โดยที่ Debit คือ การหักบัญชี
และ Credit คือ การจ่ายเข้าบัญชี
ส่วนประกอบ:
  • สมุดรายวัน(Journal)
    • สมุดรายวันเฉพาะ(Special Journal)
    • สมุดรายวันทั่วไป(General Journal)
  • สมุดบัญชีแยกประเภท(Ledger)
    • บัญชีประเภทสินทรัพย์
    • บัญชีประเภทหนี้สิน
    • บัญชีประเภทส่วนของเจ้าของ
    • บัญชีประเภทรายได้
    • บัญชีประเภทค่าใช้จ่าย
โดยจะยึดบัญชีสินทรัพย์(ซึ่งบันทึกหนี้สินทั้งหมดของกิจการ)เป็นหลัก
ถ้ามีเหตุให้สินทรัพย์เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น หนี้สิน หรือ ส่วนของเจ้าของ(ซึ่งต้องคืนให้เจ้าของเมื่อยุติกิจการ) ก็บันทึกลงในส่วน Debit แต่ถ้ามีเหตุให้สินทรัพย์ลด(เช่นบันทึกการชำระเงิน) ก็บันทึกลงในส่วน Credit
สำหรับ บัญชือื่นๆ ก็ให้ลงให้สอดคล้องกับหลักการ โดยดูได้จากตาราง


































Debit
Credit
บัญชีประเภทสินทรัพย์เพิ่มลด
บัญชีประเภทหนี้สินลดเพิ่ม
บัญชีประเภทส่วนของเจ้าของลดเพิ่ม
บัญชีประเภทรายได้-
รับ
บัญชีประเภทค่าใช้จ่ายจ่าย
-

Labels:

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home