Sunday, January 11, 2009

อาุวุธทางการเงิน (ฝากประจำ-CD-Certificate of Deposit)

เครื่องมือทางการเงินตัวถัดไปที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีก็คือ

เงินฝากประจำ

ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีกำหนดเวลาฝากเงินเป็นจำนวนเท่าของ3เดือน

เช่น
  • เงินฝากประจำ 3 เดือน
  • เงินฝากประจำ 6 เดือน
  • เงินฝากประจำ 12 เดือน
  • เงินฝากประจำ 24 เดือน
ถ้าฝากไว้จนครบกำหนดแล้ว ทางธนาคารก็จะคิดดอกเบี้ยให้ในอัตราที่ทางธนาคารได้ประกาศไว้ ณ วันที่ฝากเงิน ซึ่งถ้าไม่ถอนออกมา ธนาคารก็จะฝากเงินเข้าไปในบัญชีเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาเท่าเดิม

โดยปกติแล้ว เงินฝากประจำที่มีกำหนดระยะเวลาฝากสั้นกว่า จะได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าเงินฝากประจำที่มีกำหนดระยะเวลาฝากนาน ดูอัตราดอกเบี้ยประจำวันได้ตามธนาคาร หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย

ถ้าถอนก่อนครบกำหนด ก็จะไม่ได้ดอกเบี้ย หรือได้ดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำมาก(อาจจะเท่ากับหรือน้อยกว่าเงินฝากออมทรัพย์) ดังนั้นก่อนจะฝากประจำ ควรจะดูว่าตัวเองต้องใช้เงินก้อนนี้เมื่อไรแล้วจึงค่อยฝากเงินตามเวลาที่คิดไว้

ปัญหาของการฝากประจำ
ถ้าฝากประจำระยะสั้น ก็ได้ดอกเบี้ยน้อย
แต่ถ้าฝากระยะยาว ก็อาจจะเสียโอกาสที่จะได้รับดอกเบี้ยสูงที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยระหว่างที่ฝากอยู่
วิธีการแก้ปัญหา
ใช้วิธีที่เรียกว่า ladder (ขั้นบันได) จะอธิบายโดยยกตัวอย่างการทำขั้นบันไดสำหรับเงินฝากประจำ 12 เดือน
โดยขั้นแรกจะแบ่งเงินออกเป็น สามส่วน 
  • ส่วนแรก 1/4 ของทั้งหมด ฝากไว้ในเงินฝากประจำ 3 เดือน
  • ส่วนที่สอง 1/2 ของทั้งหมด ฝากไว้ในเงินฝากประจำ 6 เดือน
  • ส่วนที่สาม 1/4 ของทั้งหมด ฝากไว้ในเงินฝากประจำ 12 เดือน
ขั้นที่สอง รอครบกำหนด 3 เดือน ถอนเงินต้อนและดอกเบี้ยที่ได้จากเงินฝาก 3 เดือน ไปไว้เป็นเงินฝาก 12 เดือน

ขั้นที่สาม รออีก 3 เดือน ทีนี้เงินฝาก 6 เดือนจะครบกำหนด ให้ถอนออกมา แล้วแบ่งครึ่ง ครึ่งนึงฝาก 3 เดือน และครึ่งนึงฝาก 12 เดือน

ขั้นที่สี่ รออีก 3 เดือน เงินฝาก 3 เดือนจะครบกำหนด ให้ถอนมาแล้วฝากไว้ใน เงินฝากประจำ 12 เดือน

ทีนี้เราจะได้ เงินทั้งหมดฝากอยู่ใน เงินฝากประจำ 12 เดือน โดยที่ทุกๆ 3 เดือนจะครบกำหนด 1 ใน 4 ซึ่งสามารถถอนออกมาพร้อมดอกเบี้ยในส่วนนั้นได้ ทำให้สามารถย้ายไปฝากในบัญชีอื่นที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าได้

ครั้งต่อไปจะเป็น ฝากประจำปลอดภาษี

Labels:

Saturday, January 10, 2009

อาวุธทางการเงิน (เงินฝากออมทรัพย์)

ถัดจากเงินฝากกระแสรายวัน ที่มีสภาพคล่องสูงสุด แต่ดอกเบี้ยต่ำสุด
เราก็มาดูเงินฝากที่มีสภาพคล่องใกล้เคียงกับเงินฝากกระแสรายวัน
แต่มีดอกเบี้ยสูงขึ้นมานิดนึงกันต่อ

ซึ่งก็คือ เงินฝากออมทรัพย์นั่นเอง

เงินฝากออมทรัพย์มีสภาพคล่องสูง สามารถถอนได้ตลอดเวลาทำการ
แต่เนื่องจากสภาพคล่องสูงนี่เอง ทำให้ธนาคารให้ดอกเบี้ยต่ำ
ซึ่งส่วนใหญ่ จะอยู่ที่ 0.75% ต่อปี โดยจะคิดทบต้นให้ปีละสองครั้ง
ปกติแล้ว ธนาคารขนาดเล็ก ซึ่งมีสาขาน้อยกว่า
และมีความเสี่ยงสูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่
จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่า เพื่อเป็นการจูงใจให้คนมาเปิดบัญชีกับธนาคารเหล่านั้น
(จะอยู่ที่ 1.00~2.00% ต่อปี)

วิธีคำนวนดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์คือ
ผลรวมของ (เงินฝากเมื่อสิ้นสุดวันนั้น * ดอกเบี้ยต่อปี ณ วันนั้นๆ / จำนวนวันในปีนั้น)
เช่น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2009 ถึง 30 มกราคม 2009
มีเงินฝากอยู่ในบัญชี 10000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อปี
จะได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากตรงนี้ = (10000*(0.75/100)/365)*30 = 6.16 บาท

โดยปกติแล้ว ธนาคารส่วนใหญ่จะมีบัตร ATM (Automated teller machine)
ให้ใช้สำหรับถอนเงิน หรือ ทำรายการ ที่ตู้ ATM แต่ผู้ฝากเงินจะต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ
เช่น
ค่าแรกเข้า 50~300 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี 50~200 บาท
ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด (สำหรับตู้ATMต่างธนาคาร หรือ ต่างสำนักหักบัญชี)
ค่าธรรมเนียมการโอนเงินภายในธนาคาร ต่างสำนักบัญชี
ค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างธนาคาร
ฯลฯ

ดังนั้นจึงขอเตือนว่า ไม่ใช่เปิดบัญชีออมทรัพย์แล้วควรจะทำบัตร ATM ทุกบัญชี
โดยจะมีธนาคารขนาดเล็กบางธนาคาร ละเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า
และค่าธรรมเนียมรายปีปีแรก ให้ รวมถึง ละเว้นค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด
(สำหรับตู้ATMต่างธนาคาร หรือ ต่างสำนักหักบัญชี) ให้ด้วย

ครั้งต่อไปจะพูดถึงเงินฝากประจำ ซึ่งมีสภาพคล่องน้อยกว่าบัญชีออมทรัพย์
แต่ก็มีดอกเบี้ยสูงกว่า และยังมีความเสี่ยงต่ำมากอยู่ (ปัจจุบัน ประกันเงินฝาก100%
แต่จะลดลงจนเหลือ ประกันในวงเงิน 1,000,000.00 บาทต่อคนต่อธนาคาร)

Labels:

Friday, January 09, 2009

อาวุธทางการเงิน (เงินฝากกระแสรายวัน)

แน่นอน การทำอะไรทุกอย่างก็ต้องมีเครื่องมือ

ธุรกรรมทางการเงินก็มีเครื่องมือเช่นกัน
เครื่องมือที่มีก็มีหลากหลาย
ตั้งแต่ เงินฝาก เงินกู้ หลักทรัพย์ และอื่นๆอีกมากมาย

แต่จะให้รู้จักทุกตัวก็คงเกินความจำเป็นของคนหลายๆคน
เอาแค่ที่ใกล้ๆตัวกันก่อนละกัน

เริ่มจาก เงินฝาก เลย

เงินฝาก 
เป็น เครื่องมือทางการเงินที่ธนาคารใช้รวบรวมเงินทุนจากผู้ออม(ผู้ลงทุน)
เพื่อเอาไปใช้ในกิจการของธนาคาร (ปล่อยกู้) โดยให้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือจูงใจ
(ดอกเบี้ยเยอะ คนก็ต้องการเยอะ ธนาคารก็ได้เงินทุนเยอะ
แต่ดอกเบี้ยนี่แหละ ที่จะเป็นต้นทุนของธนาคาร)

ทีนี้ เงินฝากก็มีได้หลายแบบ
เริ่มจากเงินฝากที่เข้าใจง่ายที่สุด (แต่คนปกติคงไม่ค่อยได้ใช้) ก็คือ เงินฝากกระแสรายวัน
เงินฝากกระแสรายวันนี้ เป็นเงินฝากที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด แต่ก็มีดอกเบี้ยน้อยที่สุดเช่นกัน
สิ่งที่เป็นเครื่องมือจูงใจให้คนใช้บริการเงินฝากประเภทนี้คือ ความสะดวกสบาย
โดยปกติแ้ล้ว บัญชี นี้จะสามารถใช้เชคได้ (เรื่องเชคจะกล่าวในภายหลัง)
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เปิดบัญชีชนิดนี้กับธนาคาร
ปัจจุบัน มีหลายธนาคารที่เสนอ บัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่มีดอกเบี้ยด้วย
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ฝากเงินในบัญชีประเภทนี้เพิ่มขึ้น

คราวหน้าจะต่อกันด้วย บัญชีออมทรัพย์ หรือ บัญชีสะสมทรัพย์(ธนาคารกรุงเทพ)

Labels: