Monday, March 16, 2009

สังคมนิยม: ทางรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ (1)

เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย
ปัญหาคนตกงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และกำลังรุกลามไปทั่วโลก
สภาพตอนนี้เหมือนไฟไหม้ป่า

มีคำถามว่า
เมื่อไรช่วงเวลาเลวร้ายนี้จะจบ
และจะจบลงเช่นไร

ก่อนอื่นต้องมาคุ้ยกันถึงต้นตอของปัญหาก่อน

เริ่มจาก

การที่ทุกคนคิดว่าอสังหาริมทรัพย์จะมีค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น ถ้ามีหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์อยู่
แล้วลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็ยังเอาทรัพย์ี่ที่ค้ำประกันไปขายทอดตลาดได้
ทำให้ธนาคารปล่อยกู้สำหรับเงินกู้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันได้ง่ายเกินความเป็นจริง
(จริงๆแล้ว ควรจะมีการตรวจสอบว่าผู้กู้มีความสามารถที่จะใช้หนี้ได้หรือไม่)

ส่วนผู้กู้ เนื่องจากเห็นว่าอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเวลาผ่านไปสักระยะนึง แล้วเอาอสังหาริมทรัพย์นั้น
ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ก้อนใหม่เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ก็จะทำให้กู้ได้เพิ่มขึ้น และสามารถชำระดอกเบี้ยเงินกู้ได้ด้วย
ถ้าสบโอกาส ก็ขายอสังหาริมทรัพย์ทำกำไรซะ แล้วไปกู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่
ทำให้มีลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในระบบ

สถานการณ์แบบนี้ จะยังดำรงต่อไปได้เรื่อยๆ ถ้าอสังหาริมทรัพย์ยังมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งหมายความว่า จะต้องมีผู้ที่มีกำลังซื้อที่จะสร้างอุปสงค์ต่ออสังหาริมทรัพย์ี่
ที่มีอยู่ในระบบอย่างเพียงพอ และ ผู้ที่เป็นลูกหนี้โดยมีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
จะต้องมีความสามารถชำระหนี้ได้ในส่วนหนึ่ง

แต่แล้ว ผลจากสภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปี 2007-2008 
(ราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับ $100 ต่อบาร์เรล
และ ราคาอาหาร เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์
จากสภาพอากาศที่ไม่ื้เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกและ
การสูญเสียพื้นที่เกษตรเพื่ออาหารให้แก่การเกษตรเพื่อสังเคราะห์พลังงานทดแทน
*เพิ่มเติม จากท่านผู้มีความรู้ : เป็นผลจากนักเก็งกำไรถอนเงินออกจากตลาดหุ้นไปเก็งกำไรกับ commodity(ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค) แทน
)
ก็ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก
ซึ่งส่งผลให้ลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ต่ำ ประสบปัญหาด้านค่าใช้จ่าย
ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญาการกู้ยืมเงิน

ผลคือ เจ้าหนี้ซึ่งส่วนใหญ่คือธนาคารพาณิชย์ และ วาณิชยกิจต่างๆประสบปัญหาสภาพคล่อง
ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนที่จะมาใช้ในการประกอบกิจการต่อไปได้อีก
ทำให้ไม่สามารถที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ชั้นดีได้
ซึ่งส่งผลให้เกิดการลดปริมาณการจับจ่ายใช้สอยลง
ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ทำให้เกิดสภาพเศษรฐกิจชะลอตัว

แต่ผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำมีรายได้ลดลง
ส่งผลให้เกิดการเพิ่มจำนวนของหนี้เสีย หรือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งก็ทำให้ปัญหาสภาพคล่องของเหล่าธนาคารพาณิชย์และวาณิชยกิจยิ่งเลวร้ายลงไปอีก

ปัญหานี้ ส่งผลทั้งทางเศรษฐกิจ และ จิตวิทยา ต่อทุกประเทศทั่วโลก
ทำให้ผู้คนเกิดความไม่เชื่อมั่น ลดการจับจ่าย เพิ่มปริมาณการถือออม ทั้งในรูปตัวเงิน และรูปทองคำ
แต่การกระทำดังกล่าว ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง
ในทางตรงข้าม ยิ่งทำให้วิกฤตเศรษฐกิจกระจายไปทั่วโลก

แน่นอน ถ้าหากยังมีลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำอยู่ ก็จะทำให้ปัญหาเลวร้ายขึ้น
ดังนั้น ทางแก้ไขปัญหานี้จึงควรเริ่มจาก หนี้เสีย หรือ หนี้ที่ไม่เกิดรายได้ของสถาบันการเงินก่อน

ทำไม สังคมนิยมถึงจะเป็นทางเลือกเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ จะกล่าวในครั้งต่อไป

Labels:

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home